วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

ศาลพระกาฬ

ศาลพระกาฬ






           อยู่ใกล้สถานีรถไฟและทางด้านทิศตะวันออกพระปรางค์สามยอด ตำบลท่าหิน เป็นเทวสถานเก่าของขอม สร้างด้วยศิลาแลงเรียงซ้อนกันเป็นฐานสูง จึงรียกกันมาแต่ก่อนอีกชื่อหนึ่งว่า ศาลสูงที่ทับหลังสลักเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ทำด้วยศิลาทราย 1 แผ่น อายุราวพุทธศตวรรษที่ 15 วางอยู่ติดฝาผนังวิหารหลังเล็ก ชั้นบน ณ ที่นี้ได้พบหลักศิลาจารึกแปดเหลี่ยมจารึกอักษรมอญโบราณ
ส่วนด้านหน้าเป็นศาลที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2496 โดยสร้างทับบนรากฐานเดิมที่สร้างไว้ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในวิหารประดิษฐานพระนารายณ์ยืน ทำด้วยศิลา 2 องค์ องค์เล็กเป็นแบบเทวรูปเก่าในประเทศไทย องค์ใหญ่เป็นประติมากรรมแบบลพบุรี แต่พระเศียรเดิมหายไป ภายหลังมีผู้นำพระเศียรพระพุทธรูปศิลาทรายสมัยอยุธยามาสวมต่อไว้เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไป
ในบริเวณรอบศาลพระกาฬร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ จึงเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงลิงจำนวนมาก ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของจังหวัดลพบุรี มีร้านขายของที่ระลึกและอาหารสำหรับลิง ตลอดจนศาลาพักผ่อนมีถนนตัดรอบทำให้โบราณสถานมีลักษณะเป็นวงเวียน










พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช

พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช






          ตั้งอยู่กลางวงเวียนเทพสตรีใกล้ศาลากลางจังหวัดลพบุรี บริเวณหัวถนนนารายณ์มหาราชก่อนเข้าสู่ย่านตัวเมือง อนุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นรูปปั้นในท่าประทับยืนผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงดาบ ก้าวพระบาทซ้ายออกมาข้างหน้าเล็กน้อย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงประกอบพิธีเปิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2509 ที่ฐานอนุสาวรีย์ได้จารึกข้อความว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์ไทยผู้ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่ง ทรงพระราชสมภพ ณ กรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 2175 สวรรคต ณ เมืองลพบุรี เมื่อ พ.ศ. 2231 พระองค์ทรงมีพระบรมราชกฤษดาภินิหารเป็นอย่างยิ่ง
ในรัชสมัยของพระองค์ วรรณคดีและศิลปะของไทยได้เจริญถึงขีดสูงสุด มีสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศอย่างกว้างขวาง เกียรติคุณของประเทศไทยแผ่ไพศาลเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ประชาชนชาวไทยได้ร่วมกันสร้าง และประดิษฐานอนุสาวรีย์นี้ไว้ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2509




ทุ่งทานตะวัน


ทุ่งทานตะวัน


ข้อมูลทั่วไป :         ตั้งอยู่ที่ตำบลช่องสาริกาใกล้วัดมณีศรีโสภณ ทุ่งทานตะวันแห่งนี้เป็นทุ่งทานตะวันขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ดอกทานตะวันจะบานสะพรั่งในช่วงประมาณเดือนตุลาคม - มกราคม จนกลายเป็นทุ่งทานตะวันที่มีความงดงามตามรรมชาติ

การเดินทาง :         การเดินทางไปชมทุ่งทานตะวันสามารถใช้เส้นทางได้ 2 เส้นทาง ได้แก่
เส้นทางแรก
สามารถใช้เส้นทางพหลโยธินถึงกิโลเมตรที่ 4 แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอพัฒนานิคม จนถึงซอย 12 สามแยกพุแคแล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 21 ไปอีกประมาณ 15 กิโลเมตร ก็จะถึงทางเข้าวัดมณีโสภณและให้เลี้ยวขวาอีกประมาณ 2-5 กิโลเมตร ก็จะพบทุ่งทานตะวันนับหมื่นไร่
เส้นทางที่สอง
สามารถเดินทางจากจังหวัดสระบุรี ไปตามทางหลวงหมายเลข 21 ไปอีกประมาณ 30 กิโลเมตร ก็จะถึงทางเข้าวัดมณีศรีโสภณและให้เลี้ยวขวาไปอีกประมาณ 2-5 กิโลเมตร ก็จะพบทุ่งทานตะวันนับหมื่นไร่








เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์



เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์


ข้อมูลทั่วไป :
             เป็นเขื่อนที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านแก่งเสือเต้น ตำบลหนองบัว เป็นเขื่อนดินที่มีสันเขื่อนยาวที่สุดในประเทศไทย ช่วยกักเก็บน้ำจากแม่น้ำป่าสัก ซึ่งมีต้นน้ำอยู่ในจังหวัดเลย เขื่อนนี้สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสำเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อป้องกันอุทกภัย และเป็นประโยชน์ต่อการเกษตร การอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่จังหวัดลพบุรี สระบุรีและจังหวัดใกล้เคียง นอกจากนั้นในบริเวณเขื่อนยังมีพิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสัก ที่แสดงความเป็นมาของเขื่อน และความรู้ด้านธรรมชาติ

การเดินทาง :
ทางรถยนต์
           จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านตัวจังหวัดสระบุรี และจากสระบุรีไปประมาณ 33 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3017 ไปประมาณ 17 กิโลเมตร ก็จะถึงบริเวณตัวเขื่อน
ทางรถไฟ
           การรถไฟแห่งประเทศไทย มีบริการรถไฟโดยออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพงใน วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลาประมาณ 07.30 น. โดยจะผ่านจุดชมวิว กิโลเมตรที่ 172 อัตราค่าโดยสารไป-กลับประมาณ 200 บาท และรถไฟโดยสาร สายกรุงเทพฯ-หนองคาย-โคกสลุง ราคาประมาณ 76 บาท แล้วจากนั้นให้ต่อรถไฟท้องถิ่นสายบัวใหญ่-แก่งคอย มาลงที่เขื่อนป่าสัก อัตราค่าโดยสารประมาณ 4 บาท และเที่ยวเดินทางกลับมีขบวนรถไฟสายเชื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ อัตราค่าโดยสารประมาณ 96 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1690, 223-7010, 223-7020












วัดเขาสมโภชน์


วัดเขาสมโภชน์

       อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอชัยบาดาล ไปตามเส้นทางสายบัวชุม ประมาณ 30 กิโลเมตร มีทางแยกเข้าไปประมาณ 8 กิโลเมตรจากถนนใหญ่









น้ำตกวังก้านเหลือง


น้ำตกวังก้านเหลือง

       หมู่ที่ 4 ตำบลท่าดินดำ การเดินทางจากตัวเมืองลพบุรีไปน้ำตกวังก้านเหลือง ใช้เส้นทางลพบุรี - โคกสำโรง (ทางหลวงหมายเลข 1 ) จากนั้นใช้เส้นทางโคกสำโรง - ชัยบาดาล (ทางหลวงหมายเลข 5 ) จนถึงทางหลวงหมายเลข 21 เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 21 ประมาณ 21 กิโลเมตร เลี้ยวขวาผ่านสถานีขนส่งถึงสี่แยกลำนารายณ์และตรงไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร จนถึงสี่แยกท่ามะนาวแล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2089 ตรงไปอีกประมาณ 13 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตกวังก้านเหลืองซึ่งจะอยู่ทางขวามือ











สวนสัตว์สระแก้วลพบุรี

สวนสัตว์สระแก้วลพบุรี




       ตั้งอยู่หลังโรงภาพยนต์ทหารบก สวนสัตว์แห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2483 สมัยที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นได้มุ่งพัฒนาเมืองลพบุรีให้เป็นเมืองสำคัญ โดยได้ก่อสร้างสิ่งต่าง ๆ มากมายรวมทั้งสวนสัตว์แห่งนี้ด้วย ต่อมาเมื่อสิ้นยุคสมัยของจอมพล ป.พิบูลสงคราม สวนสัตว์ก็พลอยถูกทอดทิ้งและร้างไปในที่สุด
ต่อมาในปี พ.ศ. 2520 ศูนย์สงครามพิเศษ ซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่สวนสัตว์ได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งชมรม สโมสร พ่อค้า ประชาชน ดำเนินการปรับปรุงบูรณะสวนสัตว์แห่งใหม่ ให้เป็นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจและเป็นแหล่งสำหรับศึกษาหาความรู้ในเรื่องสัตว์และพืช
สวนสัตว์สระแก้วลพบุรี มีบริการร่มรื่น กว้างขวาง มีสัตว์ต่าง ๆ หลายชนิด มีสนามเด็กเล่น ศาลาอเนกประสงค์สำหรับจัดกิจกรรมต่าง ๆ มีสระน้ำสำหรับผู้ประสงค์จะลอยเรือเล่น นับเป็นสวนสัตว์ในต่างจังหวัดที่มีความสมบูรณ์พอสมควรแก่การบริการประชาชนในท้องถิ้น เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 18.00 น. ค่าผ่านประตูผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท รถยนต์ 5 บาท